ท่าเข้าเต้าที่ไม่ถูกต้อง

– การจัดท่าให้นมที่ไม่เหมาะสม ทำให้ปากของทารกอยู่ตื้น ขอบปากไม่ถึงลานนมลูกน้อยดูดหัวนมแม่ผิดวิธี ดื่มนมได้ไม่เต็มที่ และยังส่งผลให้หัวนมแตกได้

ภาวะผิวหนังอักเสบ

– อาการอักเสบของผิวหนังบริเวณหัวนม อาจทำให้ผิวหนังแห้ง ตกสะเก็ด เป็นผื่นแดง จนนำไปสู่อาการคันและเจ็บบริเวณหัวนม หากไม่ดูแลรักษาก็จะทำให้หัวนมแตกได้

การปั๊มนมที่ไม่ถูกวิธี

– การใช้กรวยปั้มนม หากใส่ไม่ถูกวิธีหรือผิดขนาดจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หัวนมได้ รวมถึงการเร่งความเร็วในการปั้มนมมากเกินไป ใช้ความแรงมากเกินไป ใช้กรวยปั้มที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่จนเกินไปทำให้หัวนมแตกได้

ภาวะลิ้นติดของลูกน้อย

– ความผิดปกติภายในช่องปากที่การเคลื่อนไหวของลิ้นถูกจำกัด หรือเรียกว่าพังผืดใต้ลิ้น เกิดจากเนื้อเยื่อที่เชื่อมระหว่างลิ้น ที่มีขนาดสั้น หรือล้ำออกมามากเกินไป ทำให้เมื่อดูดนมลิ้นของลูกน้อยจะไม่สามารถขยับให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะสมได้ ส่งผลทำให้เกิดเป็นแผลแตกที่หัวนมตามมาได้

การติดเชื้อรา

– หากลูกน้อยมีเชื้อราในช่องปาก การให้นมบุตรอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่หัวนม จนทำให้เกิดปัญหาหัวนมแตกได้ สังเกตการติดเชื้อจากอาการต่างๆ เช่น มีอาการคัน เจ็บบริเวณหัวนม หัวนมแดงและเงาผิดปกติ หรือมีอาการเจ็บจี๊ด ๆ ขณะให้นมบุตรร่วมด้วย

❗สำหรับคุณแม่ที่กำลังเจอกับปัญหาหัวนมแตก❗  

ลองหาสาเหตุจาก 5 ข้อข้างต้น เพื่อที่หาวิธีการแก้ไข และป้องกันได้อย่างตรงจุด

 หากคุณแม่กังวลเรื่องลูกน้อยไม่สามารถเข้าเต้าคุณแม่ได้ตามที่หวัง  ความจริงแล้วยังสามารถให้นมได้อยู่บ้าง แต่อาจจะส่งผลให้มีเลือดปนออกมา จนอุจจาระของลูกมีเลือดปน หรือว่าสำรอกนมออกมาได้ ซึ่งถ้ามีอาการหัวนมแตกต่อเนื่อง อาจจะทำให้ไม่สามารถให้นมลูกได้ในปริมาณเท่าเดิม ควรหลีกเลี่ยงการให้นมจากเต้าโดยตรงไปก่อน และใช้การปั๊มนมร่วมด้วยในระหว่างที่มีอาการหัวนมแตกจนกว่าอาการจะดีขึ้น 

 ซึ่งคุณแม่สามารถหาทางบรรเทาอาการเพื่อให้กลับมาให้นมลูกได้ไวขึ้นได้ โดยการเลือกใช้ Magic Balm จาก Brusta ที่มีส่วนผสมจาก Dragon Blood’s และ Argan Oil เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาหัวนมแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย