สารบัญ
Toggleคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องปรับไลฟ์สไตล์ยังไง? เคล็ดลับจากคุณหมอสูติฯ
ในช่วงตั้งครรภ์มีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปและคุณแม่ต้องรับมือ การใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิมอาจไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ แล้วต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ปลอดภัย บทความนี้จากซีรีส์ “Brusta ปรึกษาการดูแลครรภ์กับคุณหมอพิชัย” ได้รวบรวมคำแนะนำจาก นพ. พิชัย ลือประสิทธิ์สกุล สูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน เพื่อช่วยให้คุณแม่ใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยค่ะ
Q: คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถไปทำงานหรือทำงานบ้านได้ไหม?
A: คุณแม่ยังสามารถทำงานและทำงานบ้านได้ตามปกติ แต่สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือเรื่องการทรงตัว ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้น การทรงตัวของคุณแม่จะไม่ค่อยดี ทำให้เสี่ยงต่อการลื่นล้มหรือตกบันไดได้ง่าย โดยเฉพาะขาลงบันได หมอแนะนำให้จับราวบันไดไว้เสมอและพยายามอย่าถือของขึ้นลงบันได เพราะถ้าถือของในมือจะทำให้ยึดราวไว้ไม่ทันเมื่อลื่นล้ม โดยเฉพาะของหนักเกิน 10 กิโลกรัมไม่ควรถือเลยตั้งแต่อายุครรภ์อ่อน ๆ และเมื่อเดินในห้องน้ำต้องระมัดระวังเป็นพิเศษให้เดินช้า ๆ นิดนึง อันนี้เป็นเรื่องปกติของคนท้องว่าต้องทำอะไรช้า ๆ ระมัดระวังอุบัติเหตุ
Q: คุณแม่ตั้งครรภ์ที่รักสวยรักงามยังสามารถทำอะไรได้บ้าง?
A: การทำผม ย้อมสีผม หรือการทำเล็บ ยังสามารถทำได้โดยไม่มีอันตราย คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ การทำศัลยกรรมในช่วงตั้งครรภ์ ควรเลื่อนออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย
Q: คุณแม่ตั้งครรภ์เดินทางไกลหรือขึ้นเครื่องบินปลอดภัยหรือเปล่า?
A: การเดินทางไกลหรือขึ้นเครื่องบินสามารถทำได้ แต่อย่างเดียวที่ต้องระวังคือการตกหลุมอากาศบนเครื่องบิน หมอแนะนำให้คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่อง เพราะหากเกิดการตกหลุมอากาศ ท้องที่ใหญ่ขึ้นอาจกระแทกกับสิ่งของแข็ง ๆ จนเกิดอันตรายถึงขั้นมดลูกแตกได้ สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินเพื่อออกนอกประเทศ สายการบินส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้ผู้ตั้งครรภ์เกิน 34 สัปดาห์เดินทาง เพราะเขากลัวจะไปคลอดบนเครื่องบิน จะเกิดความโกลาหลขึ้นได้
ชีวิตคุณแม่ตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาสที่คุณหมออยากแนะนำ
ไตรมาสที่ 1: เป็นช่วงที่คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการแพ้ท้อง หมอแนะนำให้ใช้วิธีทานอาหารน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด พยายามเลือกทานสารอาหารที่ดี การดื่มน้ำเย็นหรือน้ำหวานจิบทีละนิดจะสามารถช่วยประคองอาการได้ นอกจากนี้ การทานแครกเกอร์รองท้องในตอนเช้าจะช่วยป้องกันไม่ให้ท้องว่างจนเกิดอาการแพ้ท้อง หากอาการแพ้ท้องรุนแรงมากควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาแก้แพ้ท้องที่ปลอดภัยย
ไตรมาสที่ 2: เป็นช่วงที่สบายที่สุดในบรรดา 3 ไตรมาส อาการแพ้ท้องจะหายไป และร่างกายยังไม่รู้สึกอุ้ยอ้ายมากนัก ยังไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอาการขี้ร้อนหรือการนอนไม่หลับ คุณแม่จึงสามารถไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
ไตรมาสที่ 3: เป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด คุณแม่ต้องเข้มแข็งไว้ให้มาก เพราะต้องเจอกับอาการต่าง ๆ เช่น นอนไม่หลับ ตื่นบ่อย ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มอิ่ม หรือรู้สึกขี้ร้อนจนเหงื่อแตกตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณแม่อดทน เพราะเมื่อคลอดแล้วอาการเหล่านี้ก็จะหายไปและได้พบกับลูกน้อยที่น่ารักและแข็งแรง
เมื่อตั้งครรภ์ชีวิตประจำวันของคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ทั้งเรื่องการทำงาน การเดินทาง หรือแม้แต่การดูแลตัวเอง แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ คุณแม่จะสามารถวางแผนและรับมือกับทุกช่วงได้อย่างมั่นใจและมีความสุข Brusta ขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนก้าวผ่านทุกการเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างราบรื่นนะคะ

English





