Web Analytics Made Easy - Statcounter

อาการแพ้ท้องหนักรับมือยังไง? คำแนะนำการกินจากคุณหมอสูติฯ

อาการแพ้ท้องเกิดจากระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้น

อาการแพ้ท้องหนักรับมือยังไง? คำแนะนำการกินจากคุณหมอสูติฯ

          อาการ “แพ้ท้อง” เป็นสิ่งที่คุณแม่มือใหม่หลายคนรู้สึกกังวลใจ เพราะทั้งคลื่นไส้ เวียนหัว รวมถึงอาเจียนบ่อยครั้ง ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคุณแม่เป็นเรื่องยาก แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะอาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย และคุณแม่สามารถรับมือได้ ในซีรีส์ “Brusta ปรึกษาการดูแลครรภ์กับคุณหมอพิชัยBrusta ได้นำคำแนะนำดี ๆ จาก นพ. พิชัย ลือประสิทธิ์สกุล สูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน มาฝาก เพื่อให้คุณแม่มั่นใจและผ่านช่วงแพ้ท้องไปได้อย่างราบรื่น 

Q: อาการแพ้ท้องมักจะเกิดขึ้นในช่วงไหน?

A: อาการแพ้ท้องมักจะเริ่มในช่วงครรภ์อ่อน ๆ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 6-7 เป็นต้นไป และจะรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะสัปดาห์ที่ 10 ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนของคุณแม่สูงขึ้น ทำให้จมูกของคุณแม่ไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษ และไม่สามารถทนต่อกลิ่นน้ำหอม กระเทียม หรือเครื่องเทศได้เลย แนะนำว่าคุณสามีไม่ควรทานเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะอาจทำให้ลมหายใจมีกลิ่นคาวมาก คุณแม่บางท่านจะไม่กล้าเดินเข้าไปในตลาดเพราะกลิ่นอาหารจะคละคลุ้ง หรืออาหารบางอย่างที่เก็บไว้ในตู้เย็น อาจมีรสสมผัสที่ทำให้คุณแม่รู้สึกแย่ได้ 

Q: คุณแม่ควรดูแลตัวเองและมีเทคนิคการกินอย่างไรเพื่อลดอาการแพ้ท้อง?

A: สำหรับอาการแพ้ท้อง เราแนะนำให้คุณแม่รับประทานอาหารทีละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด ส่วนยาที่ช่วยลดอาการแพ้ท้องที่แนะนำคือวิตามินบาดสูง ประมาณวันละ 100 มิลลิกรัม นอกจากนี้ มียาแก้แพ้ท้องบางชนิด เช่น พาิล (Pasill), โมทิเลี่ยม (Motilium) หรือ รามาีน (Dramamine) ที่สามารถใช้ได้ โดยเฉพาะยาบางตัวอย่างรามาีน หากทานก่อนนอนจะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นได้ด้วย คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะดื่มน้ำเปล่าไม่ได้เพราะรู้สึกเหม็น เราจึงแนะนำให้ทานน้ำหวานแทน ซึ่งในช่วงนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเบาหวาน เพราะการตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะเริ่มในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 6 เดือน หรือ 24 – 28 สัปดาห์ การจิบน้ำหวานทีละน้อย ๆ จะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ไม่ควรดื่มรวดเดียว รวมถึงการรับประทานข้าวก็ควรทานทีละน้อย ๆ หากแพ้ท้องมาก อาจต้องทานครั้งละ 1 ช้อนแล้วเว้นระยะ 10 – 15 นาที แล้วค่อยทานอีกที คุณแม่หลายท่านจะมีพฤติกรรมการทานอาหารที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ของที่เคยชอบอาจไม่ชอบ และของที่ไม่เคยชอบกลับกลายเป็นชอบได้ เช่น คุณแม่บางท่านที่ทานมังสวิรัติก่อนตั้งครรภ์ พอตั้งครรภ์กลับมาทานเนื้อสัตว์แทน หรือคุณแม่ที่เคยทานเนื้อสัตว์มาก ๆ พอตั้งครรภ์กลับไม่ชอบและหันมาทานผักแทนก็มี

Q: คุณแม่แพ้ท้องหนักสามารถกินอะไรเพื่อบรรเทาได้บ้าง?

A: ผลไม้แช่เย็นอย่าง แตงโม เมล่อน ก็จะมีส่วนช่วยทำให้คุณแม่รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นได้ นอกจากนี้ ไอศครีม เชอร์เบท หรือช็อกโกแลต ก็พอจะช่วยให้คุณแม่ได้รับพลังงานเข้าสู้ร่างกายได้ คุณแม่บางท่านที่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 2 3 ครั้ง ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง การดื่มน้ำเกลือแร่ก็มีส่วนช่วยได้เยอะ ทำให้ร่างกายขาดน้ำและสารอาหารน้อยลง

Q: คำแนะนำที่คุณหมออยากฝากคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง?

A: พยายามเลือกทานสารอาหารที่ดี คุณแม่บางท่านแพ้ท้องหนักจนน้ำหนักลดไป 6 กิโลกรัมก็มี ต้องให้น้ำเกลือก็มี แนะนำว่าเมื่อตื่นมาตอนเช้าให้ทานแครกเกอร์ซักแผ่นอย่าปล่อยให้ท้องว่าง อาจจะช่วยให้อาการแพ้ท้องดีขึ้น น้ำดื่มเน้นเย็นหวาน จิบทีละนิด เพื่อคอยประคับประคอง เพราะอาการแพ้ท้องเป็นแค่ชั่วคราว โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าอายุครรภ์ประมาณ 14 สัปดาห์ คุณแม่มักจะรู้สึกดีขึ้นจนเหมือนเป็นคนละคน

          อาการแพ้ท้องอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ด้วยความเข้าใจและวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง คุณแม่สามารถผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอนค่ะ การใส่ใจในเรื่องโภชนาการ การพักผ่อน และการสังเกตอาการผิดปกติของตัวเอง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัย Brusta พร้อมเป็นกำลังใจและสนับสนุนคุณแม่ในทุกย่างก้าวของการตั้งครรภ์ เราเชื่อมั่นว่าคุณแม่ทุกคนจะสามารถรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลง และผ่านช่วงเวลาอันแสนพิเศษนี้ได้อย่างความสุขค่ะ 

ติดตาม Brusta ปรึกษาการดูแลครรภ์กับคุณหมอพิชัย ในตอนต่อไป เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์เพิ่มเติม